คู่ชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2019 กลายเป็นทีมจาก พรีเมียร์ ลีก ทั้งคู่ คือ หงส์แดง ลิเวอร์พูล กับ ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในนัดแรกของรอบรอง ทั้งสองทีมประสบความพ่ายแพ้มาทั้งคู่ แต่ก็สามารถ comeback เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างยิ่งใหญ่ นอกจากความมุ่งมั่น ทุ่มเท การแก้เกม แท็คติก อะไรต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจ ของผู้จัดการทีม หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ รู้สึกและเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ จนสามารถส่งต่อหัวใจที่ว่าไปยังลูกทีมทุกคนได้ Character แบบนี้แหละครับที่จับใจแฟนบอลทั่วโลก ทำให้เกมฟุตบอลเป็นอะไรที่เกินบรรยาย
ลิเวอร์พูล : นัดแรกไปเล่นที่คัมป์ นู บ้านบาเซโลน่า แม้รูปเกมจะสูสี แต่สกอร์ออกมา 3 - 0 ยากที่จะเชื่อ หรือแม้แต่หวัง ว่านัดที่สองที่มาเล่นที่ แอนฟิลด์ จะผ่านเข้ารอบชิงได้ เพราะจะต้องชนะอย่างน้อย 3 - 0 เช่นกัน เพื่อลุ้นในช่วงต่อเวลา หรือชนะ 4 - 0 ในเวลา โดยต้องไม่เสียประตูกับทีมอย่างบาเซโลน่า ที่มีสุดยอดตัวรุก อาทิ เมสซี่ และ 2 เด็กเก่าลิเวอร์พูล ซัวเรส + คูตินโญ่(โดนดูดขึ้นยานแม่) เงื่อนไขเช่นนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ประกอบกับลิเวอร์พูลไม่มีกองหน้าหลักทั้ง ซาล่าห์ และ ฟีร์มิโน่ เล่น ๆ ไปก็มีตัวเจ็บเพิ่มระหว่างเกมอีก แต่ก็อย่างที่ทุกคนได้ทราบกัน หงส์ปราบโครตทีมแห่งยุคอย่างบาร์ซ่า 4 - 0 ตามเงื่อนไขแป๊ะ เข้าสู่รอบชิง UCL 2 ปีติด มาดูคำสัมภาษณ์หลังเกมกันครับ
- "ผมเคยพูดแล้วว่า ถ้าให้ผมอธิยายเกี่ยวกับสโมสรแห่งนี้ก็ต้องเป็น Big Heart และในคืนนี้มันก็โคตรชัดเจน คุณคงได้ยินได้เห็นมันไปทั่วโลก ผมมีความสุขมากที่ได้มอบประสบการณ์แบบนี้ให้กับผู้คน และผมมีความสุขมาก ๆ ที่เราจะได้โอกาสอีกครั้งในการทำทุกอย่างให้ถูกต้องในมุมมองของเรา" เยอร์เก้น คล็อปป์ ผจก.ลิเวอร์พูล
- "ผมไม่เคยเห็นแอนฟิลด์เป็นแบบนี้มาก่อน แฟนบอลช่วยผลักดันนักเตะของเขาไปข้างหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ มันดุดันและน่าทึ่งมาก" อลัน เชียร์เรอร์ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษและทีมนิวคาสเซิ่ล
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : สถานการณ์นัดแรก โดน อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม สอยคาบ้าน 0 - 1 นัดนี้ต้องบุกไปเยือนที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ถิ่นอาแจกซ์ และแค่ครึ่งแรกก็โดนไปแล้ว 2 - 0 รวมสองนัดตามอยู่ 3 - 0 ถ้าจะผ่านเข้ารอบชิง ครึ่งหลังต้องยิงอย่างน้อย 3 ลูก และไม่เสียประตูเพิ่ม ในสถานการณ์ที่ทีม ไม่มีศูนย์หน้าเบอร์ 1 อย่าง เฮนรี่ เคน แต่สเปอร์ก็สามารถพลิกนรกใน 45 นาที ได้จากการยิงของ ลูคัส มูร่า คนเดียว 3 ประตู โดยประตูสุดท้าย ได้มาในช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ ไม่มีโอกาสให้อาแจกซ์ แก้ตัวแต่อย่างใด จบเกมรวมผลสองนัดเสมอ 3 - 3 แต่สเปอร์ผ่านเข้ารอบตามกฎยิงประตูทีมเยือน เป็นการเข้ารอบชิง UCL ครั้งแรกของสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาดูคำสัมภาษณ์หลังเกมกันครับ
- "เมื่อคืนเราดูลิเวอร์พูล พวกเขาทำให้เห็นว่า มันยังไม่จบจนกว่าจะจบจริง ๆ ก่อนเกมโค้ชได้พูดถึงผลงานของลิเวอร์พูล โค้ชไม่สนว่าเราจะแพ้ แต่เราต้องเล่นให้เต็มที่" แดนนี่ โรส กองหลังสเปอร์
- "การเข้ารอบชิงมันแทบจะเป็นปาฎิหาริย์ ต้นฤดูกาลไม่มีใครเชื่อในพวกเขา ในครึ่งแรกมันแย่มากที่เราต้องตามหลัง แต่ตอนพักครึ่งเรามีการปรับเปลี่ยนและเริ่มเล่นได้ดี เรามีความเชื่ออยู่ตลอด และไม่ยอมแพ้" เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ ผจก.สเปอร์
คู่ชิง UCL 2019 เป็นศึกแห่งสัตว์ปีก ระหว่าง หงส์ กับ ไก่ ที่ล้วนผ่านสถานการณ์ดราม่าในรอบรองชนะเลิศกันมาทั้งคู่ เป็นรอบรองที่ยิงกันเยอะจริง ๆ ถือว่าเป็น 2 ทีมที่เน้นเกมรุก ลุ้นกันสนุกแน่ โดยนัดชิงชนะเลิศจะเตะกันในวันที่ 1 มิถุนายน นี้ ที่สนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ กรุงมาดริด สเปน คอบอลไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ มาดูสถิติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- นี่คือครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ UCL ที่ทีมจากอังกฤษเข้าชิงกันเอง โดยครั้งแรก ปี 2008 แมนฯ ยู กับ เชลซี
- สเปอร์ เป็นทีมที่ 8 จาก อังกฤษ ที่ได้เข้าชิงถ้วยรายการใหญ่ของยุโรป ต่อจาก อาร์เซน่อล , แอสตัน วิลล่า , น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ , ลีดส์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , เซลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ในประวัติศาสตร์ UCL ทีมจากอังกฤษ สามารถพลิกเกมส์จากการตาม 2 ลูก หรือมากกว่า แล้วกลับมาชนะได้ถึง 7 ครั้ง มากสุดในบรรดาลีกที่ลงแข่ง
ขอบคุณข้อมูล www.soccersuck.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น