เมิงน่าจะพยายามอย่างนี้ในเรื่องเรียน เรื่องงานนะ

ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ตำรวจต่อสู้มาหลายสิบปี ตั้งแต่ยุคเฮโรอีนบรรจุหลอดกาแฟ  มาเป็นยาม้า ยาบ้า ไอซ์  ปี ๆ หนึ่งจับผู้ต้องหายาเสพติดน่าจะประมาณ 70 - 80 % ของคดีทั้งหมดที่มี  จับจนล้นกรอบที่คุกของราชทัณฑ์จะรับไว้ได้  จนผู้ต้องหาในเรือนจำต้องนอนตะแคงกันแล้ว

     ทางรัฐพยายามจะแก้ปัญหาโดยเอาผู้เสพเป็นผู้ป่วยไม่ต้องดำเนินคดี  หรือแม้แต่การครอบครองไม่เกิน 5 หน่วยการใช้ ก็ยังให้นับเป็นผู้เสพ  ส่วนทางศาลก็ให้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี  จะได้ไม่ต้องไปอัดกันในเรือนจำรัฐ  แต่กระนั้นสถานการณ์ยาเสพติดก็ยังไม่เห็นว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด

     ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวข้องมานานเท่าอายุราชการยี่สิบกว่าปี  สงสารอนาคตประเทศเราจริง ๆ  เรียกว่าน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกแล้วมั้งที่เสพยาบ้าเป็นยาเสพติดหลัก  ซึ่งผลิตโดยชนกลุ่มน้อยของเพื่อนบ้าน   ตำรวจทั้งจับ ทั้งยึดทรัพย์ วิสามัญฯ ไปก็มาก  เข้าไปอบรมนักเรียนตามสถานศึกษา  ออกตรวจป้องกัน ฯลฯ จนไม่รู้จะเอามาตรการอะไรมาจัดการอีก




     ล่าสุดนี่จับผู้ต้องหายาเสพติดมาได้  ก็ขังไว้ที่โรงพักรอสอบสวนและส่งฝากขังต่อศาลในวันรุ่งขึ้น  แต่ในขณะที่อยู่ในห้องควบคุม  มันก็ไม่วาย  ยังตกลงกับเพื่อนให้เอายาเสพติดมาให้อีก   เมื่อผ่านด่านสิบเวรไปไม่ได้  ก็เลยมาโยนให้กันทางช่องลมห้องขับด้านหลังสถานี

     แม้จะมีมุ้งลวดกั้น  ไอ้คนข้างในมันเจาะมุ้งลวดให้เป็นรู เพื่อให้เพื่อนโยนห่อยาบ้าเข้ามาให้ได้   นี่ถ้าพวกเอ็งพยายามอย่างนี้ตอนเรียน ตอนทำงานนะ  ชีวิตจะตกต่ำอย่างนี้มั๊ย ห๊ะ

     เมื่อไม่ได้ซ้อมการโยนมาก่อน  ก็เลยโดยไปติดมุ้งลวด 555  เพื่อก็ไม่ได้ยาบ้า  ส่วนไอ้คนโยนก็อย่าคิดว่าจะรอด  มีภาพบันทึกไว้จากกล้อง CCTV พร้อมยาบ้าของกลาง  เดี๋ยวเจอกันนะจ๊ะ (ได้ข่าวว่าเพิ่งออกมาได้ไม่นาน)

     ระบบเรือนจำ ยิ่งเข้าไป ยิ่งได้เครือข่าย ได้วิชา  หลาย ๆ คนออกมาจึงไม่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของตนให้ดีขึ้น   คิดไปก็น่าสงสารเด็กพวกนี้นะ  สภาพแวดล้อม ครอบครัวและสังคม อาจมีส่วนสร้างให้ชีวิตเขาเป็นอย่างนี้   ตำรวจไม่ใช้ทางออก ทางแก้สำหรับปัญหานี้นะครับ  ตำรวจเป็นมาตรการสุดท้ายแล้ว  และก็ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้น  แค่ประคองไม่ให้มันแย่ไปกว่าเดิม ... 

     เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยาเสพติดยิ่งเสพยิ่งโง่  อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเชียวนะครับ

ความคิดเห็น